วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555



ข้อคิดเห็น 10 ประการในการเลือกซื้อและการใช้อุปกรณ์นิรภัย

1.กฎหมายของ OSHACT เน้นว่า การลดหรือการจำกัดสภาวะแวดล้อมที่เป็นอันตรายเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก ก่อนการใช้อุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคล

2.การใช้อุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคลจะต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าอุปกรณ์นิรภัยนั้นตรงกับลักษณะอันตรายจากงานนั้นๆ

3.ควรใช้แต่อุปกรณ์นิรภัย  ซึ่งได้รับการยอมรับแล้วจากหน่วยงานซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบทางด้านความปลอดภัยโดยตรงว่า อุปกรณ์นิรภัยมีคุณภาพตรงกับมาตรฐานของ OSHACT และมาตรฐานทางด้านความปลอดภัยอื่นๆ เท่านั้น

4.สถานที่เก็บเครื่องมือป้องกันภัยฉุกเฉินจะต้องหาได้ง่ายและเห็นได้ชัด

5.ห้ามมิให้ผู้ที่ไม่ได้สวมใส่อุปกรณ์นิรภัยส่วนบุคคลหรือใส่อุปกรณ์นิรภัยที่ไม่เหมาะสม หรือถอด อุปกรณ์นิรภัยในระหว่างอยู่ในสถานที่อันตรายหรือยังคงอยู่ในบริเวณที่มีอันตราย

6.พนักงานทุกคนจะต้องทราบเป็นอย่างดีถึงประสิทธิภาพ ข้อจำกัดของ อุปกรณ์นิรภัยที่ใช้ วิธีการใช้ การทดสอบและการดูแลรักษาอุปกรณ์นิรภัย

7.ควรมีอุปกรณ์นิรภัยเตือนภัยหรือป้องกันอันตรายเตรียมไว้เสมอในสถานที่ซึ่งเกิดอันตรายได้ง่าย

8.อุปกรณ์นิรภัยตรวจจับและสัญญานอันตรายจะต้องได้รับการบำรุงเพื่อให้อยู่ในสภาพที่ใช้งานและอ่านได้ผล

9.อุปกรณ์นิรภัยซึ่งใช้ในการตรวจจับสัญญาณอันตรายจะต้องติดตั้ง ปรับปรุง บำรุงรักษาและซ่อมแซมโดยบุคคลากรซึ่งได้รับการอบรมมาอย่างดีและได้รับมอบหมายมาโดยเฉพาะเท่านั้น

10.ในระเบียบการปฎิบัติงานจะต้องระบุถึงข้อปฏิบัติในกรณีที่เกิดภาวะอันตรายฉุกเฉินหรือเมื่อได้ยินสัญญาณเตือนภัยดังขึ้น



วิธีการใช้และดูแลรักษาอุปกรณ์นิรภัย

1. เพื่อเป็นการประกันความปลอดภัยให้คนงาน หัวหน้างานต้อง:

      อบรมคนงานให้รู้จักใช้อุปกรณ์นิรภัย ก่อนที่จะทำงานใดๆ หัวหน้าต้องแน่ใจว่าคนงานทั้งหมดได้รับการฝึกอบรมในการใช้อุปกรณ์นิรภัยทั้งหลายมาอย่างเต็มที่ และสภาพร่างกายพร้อมจะปฎิบัติงาน

      เลือกจุดยืนที่ถูกต้องเหมาะสม (Anchoring Point) ก่อนเริ่มทำงานใดๆ ในที่สูงหัวหน้างานต้องตรวจเช็คแรงต้านของจุดยืน (ต้องมากกว่า 1500 DaN) ต้องมั่นใจว่าในกรณีที่ตกลงมา คนงานจะไม่ได้รับบาดเจ็บจนเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน (จากการเกิดแรงเหวี่ยง)

      กำหนดอุปกรณ์นิรภัยที่ต้องใช้ โดยดูจากสภาพแวดล้อมและชนิดของงาน หัวหน้างานต้องเลือกอุปกรณ์นิรภัยที่ถูกต้องเหมาะสม และมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์นิรภัยป้องกันการพลัดตกทั้งหมดสามารถใช้งานได้

      เช็คอุปกรณ์นิรภัยก่อนการใช้งานแต่ละครั้ง หัวหน้างานจะเป็นผู้ดูแลชิ้นส่วนอุปกรณ์ทุกชนิดไม่ให้เกิดความเสียหาย และให้ความมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์นิรภัยป้องกันการพลัดตกทั้งหมดสามารถใช้งานได้

      การกำหนดระดับความปลอดภัย เช็คสภาพอากาศก่อนอนุญาตให้คนงานทำงานในที่สูง (ไม่มีแรงลมมากเกินไป,เย็นเกินไป หรือฝนตก) ให้ความช่วยเหลือในกรณีที่พลัดตกลงมา


2. เพื่อเป็นการประกันความปลอดภัยให้ตนเอง ผู้ใช้งานต้อง:

      ปฏิบัติตามข้อบังคับความปลอดภัยของหัวหน้างาน โดยไม่ทำงานในที่สูงเพียงลำพังโดยปราศจากการควบคุมดูแล คนงานต้องอยู่ภายใต้สายตาของเพื่อนคนงานอื่นๆ หรือหัวหน้างาน ไม่ใช้หลักยึดด้วยตัวเองโดยปราศจากการควบคุมจากหัวหน้างาน

      ใช้อุปกรณ์นิรภัยภายใต้คำแนะนำของผู้ผลิต มีการฝึกอบรมแก่หัวหน้างานก่อนการใช้อุปกรณ์ชนิดใหม่ อ่านคำแนะนำการใช้อุปกรณ์นิรภัยอย่างละเอียด ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัยป้องกันการพลัดตกเพื่อจุดประสงค์อื่น ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัยที่ไม่รู้วิธีใช้งานที่ถูกต้อง

      ตรวจตราสถานที่การทำงานและรายงานให้หัวหน้างานทราบ ถ้าต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขจุดติดตั้งระหว่างการทำงาน ให้บอกหัวหน้างานอย่าเปลี่ยนแปลงระบบงานโดยไม่ได้รับความเห็นชอบก่อน

      เก็บรักษาอุปกรณ์นิรภัยให้อยู่ในสภาพที่ดี ระมัดระวังอุปกรณ์นิรภัยมิให้เป็นรอยขีดข่วน เกิดประกายไฟ เปรอะเปื้อน อยู่ในที่อุณหภูมิสูงเกินไป ถูกสารเคมีกัดกร่อน หรือปัจจัยอื่นๆ ที่จะทำให้เกิดความเสียหายได้ ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัยที่มีรอยเสียหาย เก็บรักษาอุปกรณ์นิรภัยให้อยู่ในสภาพสะอาด (การทำความสะอาดให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิต) ไม่ทำการซ่อมหรือดัดแปลงแก้ไขส่วนประกอบใดๆ ของระบบป้องกันการพลัดตก เก็บรักษาอุปกรณ์นิรภัยไว้ในที่แห้งห่างจากแสงอาทิตย์ หลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ทำให้เกิดการกัดกร่อนและอากาศที่ร้อนหรือเย็นเกินไป


  รองเท้านิรภัย Safety Shoes
   

  
การเลือกใช้รองเท้านิรภัยให้เหมาะสมกับลักษณะงาน
   ชนิดของรองเท้านิรภัยสามารถแบ่งประเภทของรองเท้านิรภัยที่ใช้ในการป้องกันอันตรายต่างๆ
   ตามลักษณะการใช้งานได้ 4 ประเภทดังนี้
   1. รองเท้าหนังนิรภัยหรือรองเท้าหนังหัวโลหะ
   รองเท้านิรภัยชนิดนี้เป็นที่นิยมใช้ในประเทศเรามาก ใช้ในการป้องกันวัตถุกระแทก ของหล่นทับ รองเท้านิรภัยเป็นรองเท้าหุ้มส้น หุ้มข้อ หรือหุ้มแข็ง มีเหล็กหัวบัว(หัวโลหะ) ครอบป้องกันบริเวณนิ้วเท้าทั้งหมด รองเท้านิรภัยที่มีแผ่นเหล็กรองบริเวณฝ่าเท้าจะใช้สำหรับงานซึ่งต้องเกี่ยวข้องกับของมีคมบาดหรือตำทะลุผ่านใต้ฝ่าเท้าขึ้นมา ส้นรองเท้าและพื้นรองเท้ามักจะเป็นดอกหรือลายพื้นยางเพื่อกันลื่น หกล้ม รองเท้านิรภัยนี้ แบ่งออกเป็น3ระดับ ตามความทนต่อแรงกดและแรงกระแทกที่บริเวณเหล็กหัวบัว
   2. รองเท้าสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับงานไฟฟ้า
รองเท้านิรภัยชนิดนี้ต้องมีคุณสมบัติเป็นฉนวนไฟฟ้าที่ดี ป้องกันเหงื่อหรือที่เปียกชื้นของบริเวณเท้าและฝ่าเท้า ซึ่งเหงื่อและความเปียกชื้นเป็นสื่อนำกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกายได้ดี รองเท้านิรภัยที่ชำรุดห้ามซ่อมแซมโดยใช้ตะปู หรือลวดตรึง
เพราะสิ่งเหล่านี้นำกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
   3. รองเท้าที่ใช้ในโรงหลอมและหล่อโลหะ
รองเท้านิรภัยที่ใช้ในอุตสาหกรรมประเภทนี้ ควรเป็นรองเท้านิรภัยที่ทำจากวัสดุกันความร้อนได้ ส่วนบนของรองเท้านิรภัยควรมีการปกคลุมบริเวณขาให้สูงขึ้นมา เพื่อป้องกันการกระเด็นหรือหก จากโลหะเหลวที่หลอมละลาย
   4. รองเท้านิรภัยที่ใช้ในบริเวณที่มีหรือสงสัยว่ามีสารหรือของผสมที่ไวไฟ
โดยรองเท้านิรภัยชนิดนี้จะป้องกันไฟฟ้าสถิติที่เกิดขึ้นจากร่างกายมนุษย์ ซึ่งอาจจะเกิดการเหนี่ยวนำ ทำให้บริเวณดังกล่าวเกิดการระเบิดหรือลุกไหม้ขึ้นได้ รองเท้าประเภทนี้จะมีค่าความต้านทานไฟฟ้าได้ในอัตราต่างๆหลายระดับ ซึ่งผู้ปฏิบัติงานต้องศึกษาว่าบริเวณที่ตนทำงาน ควรใช้รองเท้านิรภัยที่มีความต้านทานไฟฟ้าระดับใด




การใช้และบำรุงรักษารองเท้านิรภัย

     1. เลือกชนิดรองเท้านิรภัยให้เหมาะสมกับลักษณะงาน และลักษณะของอันตรายที่เกิดขึ้น เช่น การใช้รองเท้านิรภัยในงานก่อสร้างหรืองานที่อาจจะมี อุบัติเหตุเกี่ยวกับวัสดุหล่นทับ การบาด การทะลุผ่าน ควรใช้รองเท้านิรภัยหนังหัวเหล็ก และมีแผ่นเหล็กรองบริเวณฝ่าเท้า เป็นต้น

     2. รูปทรงและขนาดเหมาะสมกับรองเท้านิรภัย น้ำหนักไม่มากเกินไป คือไม่ควรมีน้ำหนักมากกว่า กิโลกรัม สวมกระชับ ใส่สบาย เช่นเดียวกับรองเท้านิรภัยแบบอื่นๆ และถอดใส่สะดวกเมื่อเหตุ ฉุกเฉิน เช่น สารเคมี หรือสะเก็ดไฟ กระเด็นเข้าไปในรองเท้า เป็นต้น

     3. ก่อนจัดซื้อ หรือนำมาใช้ เจ้าของสถานประกอบการควรจะแน่ใจว่า รองเท้านิรภัยเหล่านี้ได้ผ่านการตรวจสอบต่างๆ และได้มาตรฐานจากหน่วยงานของรัฐในเรื่องของการทดสอบแรงกด แรงกระแทก รองเท้านิรภัยที่ใช้ป้องกันกระแสไฟฟ้าในงานที่เกี่ยวข้องไฟฟ้าทั้งหมด ควรได้รับการทดสอบความต้านทานไฟฟ้าของพื้นรองเท้านิรภัย นอกจากนี้ควรทดสอบการติดแน่นของพื้นรองเท้านิรภัย และการทนแรงทะลุของแผ่นโลหะที่รองบริเวณฝ่าเท้า เป็นต้น

     4. จัดให้มีการอบรมพนักงานหรือจัดทำคู่มือแนะนำถึง
          - ความสำคัญของการป้องกันเท้า และการใช้รองเท้านิรภัยให้เป็นที่ยอมรับและตระหนักถึงการใช้อย่างจริงจัง
          - การเลือกใช้รองเท้านิรภัยแต่ละประเภทให้เหมาะสมกับลักษณะงาน
          - แสดง หรือสาธิต การใช้ และการเก็บรักษาอย่างถูกวิธี

     5. ก่อนนำรองเท้านิรภัยหรืออุปกรณ์ป้องกันขาและเท้ามาใช้ทุกครั้ง หรือหลังเลิกใช้งานแล้ว ควรตรวจสอบว่ายังมีสภาพใช้งานได้ต่อไปหรือไม่ ควรแก้ไขหรือส่งให้ช่างซ่อมส่วนใดบ้าง

     6. โดยทั่วไปรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์ป้องกันขาและเท้าทั้งหมด ควรเก็บในที่สะอาดและแห้งไม่ปะปนกับอุปกรณ์อื่นๆ


     7. ทำความสะอาดเช็ดสิ่งสกปรกต่างๆ ออกหลังการใช้งานทุกครั้ง และระวังการติดเชื้อบริเวณเท้า